ดูดไขมัน แบบไหน วิธีไหนดีที่สุด …

การ ดูดไขมัน หรือ Liposuction มีหลายวิธีนะคะ มีความหลากหลายทั้งเครื่องมือที่ใช้และเทคนิคของศัลยแพทย์ตกแต่งแต่ละคนก็ต่างกัน

” เคยสงสัยมั้ยคะ ว่าบางที่ใช้เครื่อง ดูดไขมัน รุ่นนี้ ทำไมต่างจากอีกที่ แล้วแบบไหน ดูดไขมัน ได้ดีกว่ากัน เอาไขมันได้ออกหมดมากกว่ากัน หลังดูดไม่มีปัญหาผิวขรุขระ “

” ดูดไขมัน ( Liposuction ) เป็นการเอาไขมันออกจากร่างกายโดยใช้ท่อขนาดเล็กๆสอดใส่ในชั้นไขมันใต้ผิวหนังและทำการดูดไขมันออกมา หลังจากการดูดไขมัน รูปร่างจะกระชับได้สัดส่วน เข้ารูปมากขึ้น “

liposuction vaser liposuction ดูดไขมัน

คิดว่าหลายคนคงได้ยินหลายชื่อ ว่ามีเครื่องหลายแบบ

แต่ละแบบมีหลักการในการละลายไขมันต่างกันแต่มีเป้าหมายเดียวกันคือ

ดูดไขมันให้ได้มากสุด

หลักการดูดไขมัน จริงๆมี basicง่ายๆค่ะ

  • ใส่สารน้ำเข้าไป ( tumescent) สารน้ำที่ใส่จะมีน้ำเกลือ ,ยาชา, ยาที่ช่วยไม่ให้เลือดออกเยอะ สารน้ำที่ใส่เข้าไปจะไปมีผลทำให้ ดูดไขมันได้ง่ายขึ้น ไม่ช้ำและไม่ปวด
  • หลังจากใส่สารน้ำแล้ว ศัลยแพทย์บางท่านก็จะเลือกที่จะใช้ท่อเล็กๆดูดไขมันออกมาเลย วิธีนี้เรียก ดูดไขมันแบบธรรมดา (Conventional Liposuction)
  • ในกรณีที่ยังไม่ดูดไขมันออกเลย ก็จะทำให้ไขมันแตกตัวเป็นmolecule เล็กๆก่อน ซึ่งการทำให้ไขมันแตกตัวนี้ ก็จะมีหลายเทคนิคไป
    • Vaser คือการทำให้แตกตัวโดยใช้ความร้อนแบบพลังงานulrasound
    • Bodytite คือการทำให้ไขมันแตกตัวแบบใช้คลื่นความร้อนแบบradio frequency
    • นอกจากนี้ ก็ยังมีวิธีอื่นอีกด้วยเช่น Body jet , Micro aire

VASER (Vibration Amplification of Sound Energy at Resonance )  

วิธีนี้ใช้หลักการทำให้ไขมันแตกตัวโดยใช้คลื่นultrasound

คลื่นultrasoundเป็นคลื่นความร้อน จะทำให้ไขมันแตกตัว เป็น cellไขมันเล็กๆ หรือเป็นน้ำไขมันเหลว หลังจากนั้นก็จะใช้ท่อเล็กๆดูดออกมาได้ง่ายขึ้น

ข้อดี คือ สลายไขมันได้ปริมาณมาก ดูดได้เกลี้ยง แต่อาจไม่เหมาะกะเคสที่มีผิวหนังคล้อยไม่กระชับนะคะ เพราะถ้าดูดออกเยอะ ผิวหนังอาจจะคล้อยมากขึ้น คิดภาพ ลูกโป่งที่ใส่น้ำมานาน แล้วผิวลูกโป่งยืดออก ดูดไขมัน ก็เหมือนปล่อยน้ำออก ถ้าเราปล่อยน้ำออกหมด ผิวลูกโป่งที่ยืดมานานแล้ว ไม่สามารถหดกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้ ในกรณีแบบนี้ ถ้าอยากให้ผิวกระชับมากขึ้น อาจต้องใช้ เครื่องมือสองเครื่องมือช่วยกัน เช่น ใช้vaser ดูดไขมันออกเป็นปริมาณมาก และใช้ bodytite ช่วยในเรื่องผิวตึงกระชับค่ะ

BODYTITE

ใช้หลักการของ RFAL – Radio-Frequency Assisted Lipo Tightening แปลง่ายๆก็คือ ใช้คลื่นRadio frequency หรือคลื่นความถี่สูง เพื่อทำให้ไขมันแตกตัว และนอกจากทำให้ไขมันแตกตัวแล้วยังสามารถทำให้ผิวหนังด้านบนที่ทำการดูดไปกระชับได้อีกด้วย (lipo tightening)

วิธีนี้ข้อเสียคือ เนื่องจาก probeที่วัดอุณหภูมิ แกนสั้น ดังนั้น อาจมีแผลที่ไม่ได้อยู่ตำแหน่งที่ซ่อนเห็นได้ เช่นบริเวณหน้าขา (ถ้าเป็น ดูดไขมันวิธีอื่น แผลอาจจะซ่อนเฉพาะขาหนีบ) หรือบริเวณท้อง แผลอาจจะไม่ได้ซ่อนที่ขาหนีบหรือที่สะดือค่ะ อาจเห็นตรงกลางท้องเลย ถ้าผิวขาว หรือ เป็นแผลเป็นยาก แผลหายดี อาจไม่ต้องกังวลนะคะ แต่ถ้าเป็นแผลเป็นง่าย อันนี้ อย่าลืมคุยกะศัลยแพทย์ ก่อนการผ่าตัด ในแง่ แผลเป็นหลังผ่าตัดนะคะ

Bodytite liposuction
BODYTITE
หลักการคือใช้ความร้อนโดยคลื่นradio frequencyไปตีไขมันให้แตก

Micro aire

หลักการจะใช้ท่อสอดเข้าไปในชั้นไขมันใต้ผิวหนังและใช้หลักการของการสั่นสะเทือน (Power assist liposuction or PAL ) เพื่อทำให้cellไขมันแตกตัว วิธีนี้มีข้อดีคือ ไขมันแตกตัวโดยไม่ใช้ความร้อน ดังนั้น โอกาสที่จะเกิดการburnจะมีน้อยมาก cellไขมันที่ดูดออกมา ไปทำการปลูกถ่ายที่อวัยวะอื่นหรือตำแหน่งอื่นได้ (fat transfer )

micro aire machine  สำหรับ ดูดไขมัน
เครื่องmicro aire

Body Jet

หลักการคือ ใช้น้ำเพื่อไปตีไขมันให้แตก ข้อดีคือ ไม่ได้ใช้ความร้อน ดังนั้นโอกาสที่จะเกิดscar เยื่อพังผืดรั้ง หรือfibrosisจะน้อยกว่ามาก ได้ไขมันที่ยังมีคุณภาพดี และcell ไขมันยังไม่ตาย ซึ่งนำไปFat transferได้ เช่นในบางเคส หมอนำไขมันไปเติมที่หน้าอก ( fat transfer to Breast ) หรือนำไขมันไปเติมที่ก้น อันนี้สาวๆสาย ฝ ชอบค่ะ เพราะได้เอวเอส และได้สะโพกผาย ก้นกลมกลึงสวย หลังจากไขมันแตกแล้ว หมอก็จะเอาท่อเล็กๆไปดูดไขมันออกมา ข้อเสียคือ ใช้เวลาดูดนาน และบางทีไขมันเม็ดใหญ่ๆอาจแตกสลายไม่หมดทำให้ดูดออกมาไม่หมด

ส่วนตัวของหมอนะคะ คิดว่า เครื่องก็เป็นปัจจัยหนึ่งค่ะ และเทคนิคเฉพาะตัวของศัลยแพทย์ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยค่ะ ถ้ามีสองอย่างควบคู่กันไป ก็จะทำให้งานออกมาดีขึ้น ที่สำคัญ ต้องทำภายใต้มาตรฐานและความปลอดภัยค่ะ

ตอนหน้า เราจะมาคุยกันถึงเรื่อง เตรียมตัวก่อนดูดไขมันค่ะ

Categories

Follow by Email
Instagram